16 Feb 2019
แนวโน้ม SET Index ปรับตัวลง 15.7 จุด (-0.95%) ปิดที่ 1,636 จุด มูลค่าการซื้อขาย 49,158.93 หมื่นล้านบาท จากความกังวลเศรษฐกิจจีนชะลอตัวหลังตัวเลขเกินดุลการค้าปี 2018 ของจีนหดตัวลง 18.3% จากผลกระทบการส่งออกและนําเข้าประกอบกับความกังวลปัญหา Shutdown ของสหรัฐที่ยืดเยื้อซึ่งจะกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจสหรัฐทั้งนี้เป็นแรงขายในกลุ่มหลัก เช่น BTS, LIT และ TMB โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ -2,993.19 ล้านบาทและซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตร 96,621.49 หมื่นล้านบาท แต่พลิกเป็นNet Short TFEX 17,008 สัญญาเนื่องจากขาดปัจจัยใหม่กระตุ้นการลงทุน โดยภาวะตลาดถูกปัจจัยลบจากความกังวลภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลตัว หลังจีนรายงานตัวเลขการส่งออกและนําเข้าเดือนธ.ค.หดตัวลงต่ำสุดตั้งแต่ปี 2559 นอกจากนี้ความไม่แน่นอนผลโหวต Brexit ของรัฐสภาอังกฤษในวันนี้จะเป็นตัวถ่วงต่อทิศทางการลงทุนด้วยเช่นกัน (โดยร่างกม. Brexit ต้องได้คะแนนโหวตอย่างน้อย 320 เสียง จากทั้งหมด 639 เสียง และส่วนโพลสํานักข่าว BBC คาดว่าร่างกม. Brexit จะถูกคว่ําในสภา) อย่างไรก็ตามคาดว่าดัชนีจะสลับรีบาวด์ในช่วงอ่อนตัวได้จากแรงหนุน FED ส่งสัญญาณชะลอขึ้นอัตราดอกเบี้ยส่งผลให้เงินบาทแข็งค่า และ Fund Flow ต่างชาติพลิกเป็น Net Buy 3 วันต่อเนื่องราว 3 พันลบ.ซึ่งเป็นบวกต่อทิศทางดัชนี ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียวันนี้แกว่งแคบมาก โดยดัชนีฯเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ คล้ายคลึงกับตลาดหุ้นไทย ส่วนเรื่องการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ทางสหรัฐฯอาจจะเลื่อนกำหนดเส้นตายในการบรรลุข้อตกลงทางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนออกไปอีก 60 จากเดิมวันที่ 1 มีค. ดัชนีตลาดเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย แต่คาดการว่าอาจเป็นส่วนหนึ่งที่ส่งผลกระทบจากการเมืองไทยส่วนใหญ่แล้วก็ไม่ได้มีผลกระทบรุนแรงต่อตลาดหุ้นไทย ในต้นสัปดาห์จะปรับตัวเพิ่มขึ้น